วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

บันทึกประจำวัน

บันทึกประจำวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2552
วันนี้ในเวลา 08.30 น. - 09.30 น. กลุ่มของผมก็เขียนตารางปฏิบัติงานและผมก็ส่งบันทึกประจำวันแล้ว กลุ่มผมก็ได้แก้ไข Seript ให้กับคุณครูศิวิไลซ์แล้วคุณครูก็ให้แก้ไข Seript เพราะคุณครูให้แก้ไขบทเกริ่นนำแล้วก็แก้ไขเวปบล็อกเพราะยังมีบางหัวข้อที่พิมพ์ผิดจนถึงเวลา 11.30 น. พวกผมก็ลงไปพักกลางวัน
พอถึงเวลา 12.30 น. พวกมและเพื่อนๆก็ขึ้นมาที่ห้องภาษาไทยแล้วแก้ไขเพิ่มเติมในเล่มรายงานแล้วจนถึงเวลา 14.30 น. ตัวแทนของแต่ละกลุ่มก็ออกมานำเสนอพูดอภิปรายว่าวันนี้ได้ทำอะไรบ้างแล้วเขี้ยนบันทึกประจำวัน

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

บันทึกประจำวัน

บันทึกประจำวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2552
วันนี้ในตอนเช้ากลุ่มของผมก็เขียนตารางปฏิบัติงานจนถึงเวลา 09.50 น. ผมก็ได้ส่งสมุดบันทึกประจำวันจนถึงเวลา 09.30 น. - 10.30 น. ผมและเพื่อนๆในกลุ่มของผมก็ได้แก้ไข้ seript เกี่ยวกับช้างแต่ผม
ก็แต่งกลอนในอิเทอร์เน็ตแต่ก็หาไม่เจอจนถึงเวลา 11.30 น. พวกผมก็ลงไปพักกลางวัน
พอถึงเวลา 12.30 น. ผมก็ขึ้นมาที่ห้องภาษาไทยเพื่อบันทึกประจำวันลงในเวปบล๊อกจนถึงเวลา 14.30 น. ตัวแทนของแต่ละกลุ่มก็ออกมาพูดอภิปปรายว่าวันนี้ได้ทำอะไรบ้างวันนี้คนที่ได้คะแนนมากที่สุดวันนี้
คือด.ช.พงศกร วัจรา และได้เขียนบันทึกประจำวัน

บันทึกประจำวัน

บันทึกประจำวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ.2552
วันนี้ในตอนเช้ากลุ่มผมก็เขียนตารางปฏิบัติงานจนถึงเวลา 09.15 น. ผมก็ได้ส่งสมุดบันทึกประจำวันและบันทึกไว้ใน www.blogger.com แล้วก็หาข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของช้างแต่ก็หาไม่ได้จนถึงเวลา 11.30 น.
พวกผมก็ไปพักลางวัน
พอถึงเวลา 12.30 น. ขึ้นมาที่ห้องภาษาไทยเพื่อบันทึกประจำวันลงในเวปบล๊อกจนถึงเวลา 14.30 น. ตัวแทนของแต่ละกลุ่มก็ออกมาพูดอภิปรายว่าวันนี้ได้ทำอะไรบ้างกลุ่มแรก คือ กลุ่มหัสดี กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มวารีกุญชร กลุ่มที่สาม คือ กลุ่มคชสาร กลุ่มที่สี่ คือ กลุ่มช้างพลาย วันนี้คนที่ได้คะแนนมากที่สุดคือด.ช.ชานนท์
ข่ายสุวรรณ์คือ36.6เสร็จแล้วก็เขียนบันทึกประจำวัน

บันทึกประจำวัน

บันทึกปประจำวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2552
วันนี้ผมและเพื่อนๆเข้ามาที่ห้องภาษาไทยเพื่อเอากระเป๋ามาเก็บแล้วก็ลงไปห้องสมุดเพื่อทำชิ้นงานก็คือ การเพ้นจานเป็รูปช้างโดยใช้ดินสอวาดลงไปในจานก็มีปัญหาเพราะวาดไม่ค่อยเห็นภาพเพราะผิวของจานมันก็เลยไม่ค่อยเห็นภาพและพอเสร็จก็ลงไปพักกลางวัน
พอถึงเวลา 12.30 น. ก็ขึ้นมาที่ห้องภาษาไทยเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของช้างและทำ Seripลักษณะของช้างกลุ่มก็เสร็จแล้วก็ตัวแทนของแต่ละกลุ่มก็ออกมาพูดอภิปรายตัวแทนกลุ่มของผมคือ ด.ช.ทศพล บุญทวี
พอเสร็จก็มาเขียนบันทึกประจำวัน

บันทึกประจำวัน

บันทึกประจำวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ.2552
วันนี้เวลา 08.30 น. - 08.50 น. กลุ่มของผมก็เขียนตารางปิบัติงานเสร็จก็ลงมาที่ห้องสมุดเพื่อเตรียมตัวนำ เสนอระหว่างห้องกลุ่มผมก็ได้นำเสนอแบบโปรโชว์โกกลุ่มที่จะนำเสนอก็มีอยู่ 4 กลุ่มก็มี
1.วิวัฒนาการของช้าง
2.สายพันธ์ของช้าง
3.ชนิดของช้าง
4.ลักษณะของช้าง
และพอถึงเวลา 09.30 น. ก็ได้นำเสนองานที่ได้แลกเปลี่เรียนรู้จนถึงเวลา11.30 น. ก็ลงไปพักกลางวันค
พอถึงเวลา 12.30 น. ก็ขึ้นมาที่ห้องภาษาไทยเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของช้างและก็ได้เขียนบันทึกประจำวัน

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

บันทึกประจำวัน

บันทึกประจำวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2552
วันนี้ในเวลา0830-10.30 น. วันนี้ตัวแทนของแต่ละกลุ่มก็ออกมานำเสนอต่อจากวัน อังคาร ที่ 8 ธันวาคม
พ.ศ.2552 พอเสร็จกลุ่มผมก็เตรียมทำโปรโชว์โกที่จะนำเสนอในวันศุกร์ที่เป็นวันที่นำเสนอระหว่างห้องจนถึงเวลา
11.30 น. ก็ลงไปพักกลาวัน
พอถึงเวลา 12.30 น.พวกผมก็ขึ้นมาที่ห้องภาษาไทยเพื่อทำโปรโชว์โกต่อจากตอนเช้าแต่ก็ยังทำไม่เสร็จเพราะยัง
ขาดรูปภาพของช้างและกุ่มผมก็ประชุมกันว่าวันพฤหัสบดีจะไปทำงานกันที่บ้านของ ด.ช. ทศพล บุญทวีประชุม เสร็จจนถึงเวลา 14.30น. ตัวแทนแต่ละกลุ่มก็ออกมานำเสนองานและวันนี้ พรพรรณ พุลทวี ได้คะแนนมากที่สุด
เสร็จผมก็เขียนประจำวัน

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ลักษณะทั่วไปของช้าง

ลักษณะทั่วไปของช้าง

เป็นสัตว์บก ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ เป็นสัตว์เลือดอุ่น และเลี้ยงลูกด้วยนม ปกติออกลูกครั้งละ 1 ตัว กินพืช เป็นอาหาร มองจากภายนอก จะเห็นว่า ช้างมีลักษณะ ที่แตกต่างจากสัตว์อื่นๆ เช่น รูปร่างใหญ่โต มีงวงที่ยื่นยาวออกมา มีงาสีขาว 1 คู่อยู่ข้างริมฝีปาก มีใบหูที่กว้างใหญ่ โบกพัดไปมา ศีรษะโต ตาเล็ก ขาใหญ่ตรง และหางที่ยาว จนเกือบจะพื้นดิน

ศีรษะ

ศีรษะของช้างเอเชีย จะกว้างมี 2 โหนกหรือลอน ส่วนช้างแอฟริกา จะแหลมเล็ก และมีโหนก หรือลอนเดียว จะเรียกโหนกนี้ว่า "โหนกน้ำเต้า" มีมันสมองเล็ก เมื่อเทียบกับขนาดตัว สมองมีขนาด กว้าง x ยาว x สูง= 15 x 20 x 12.50 เซนติเมตร หนักประมาณ 5 กิโลกรัม กะโหลกศีรษะ มีลักษณะ เป็นโพรงอากาศ คล้ายรังผึ้ง จึงมีน้ำหนักเบา มีสมองอยู่ตรงส่วนกลาง ความฉลาดของช้าง ไม่ได้สัมพันธ์ กับขนาดของศีรษะ หรือสมอง ช้างมีศีรษะใหญ่ เพื่อรองรับ แรงกระแทกกระทั้น ที่เกิดจากการ ออกแรงของงวง กรามและงา ศีรษะกับงวงสัมพันธ์กันคือ ถ้าศีรษะใหญ่ งวงก็ใหญ่ด้วย ช้างที่มีศีรษะที่ใหญ่โต ถือเป็นลักษณะอุตมะ เป็นมงคล เป็นลักษณะดีในตัวช้าง หน้าที่ของศีรษะ ช่วยป้องกัน การกระทบกระเทือน อันอาจเป็นอันตราย ต่อระบบประสาทหู ต่อมสมองในช้าง ที่มีอายุน้อย ศีรษะจะมน หรือกลม เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ศีรษะจะโตตาม และพองขึ้น เป็นโหนก หรือลอน 2 ลอน โบราณว่า ถ้ารองกลางโหนกแคบ เกือบติดกัน แสดงว่าเป็นช้างสอนง่าย ไม่เกเร แต่ถ้าร่องกว้าง เป็นแอ่งน้ำขังได้ จะดื้อ สอนยาก

หู

ช้างมีใบหูที่กว้างใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ย ประมาณ 65-85 เซนติเมตร มีรูหูขนาดเล็กมาก ขอบใบหูอยู่ต่ำกว่าศีรษะ โคนใบหูจะหนา แล้วค่อย ๆ ลดบางลง ทางขอบปลายหู ส่วนล่างซึ่งบางที่สุด มีลักษณะขาดเว้า ๆ แหว่ง ๆ กะรุ่งกะริ่ง ลักษณะเช่นนี้ สามารถบอกได้ว่า ช้างมีอายุมาก หรือน้อย ปกติช้างจะโบกหูไปมา เพื่อรับรู้เสียงต่าง ๆ ถ้าใบหูกางนิ่ง แสดงว่ากำลังชั่งใจ แต่ถ้าหูลู่เข้าหาลำคอ แสดงว่า ช้างกำลังจะโถมเข้าใส่ ช้างเอเชีย จะมีขนาดเล็กกว่าช้างแอฟริกา และขอบบน ของใบหูช้างเอเชีย จะอยู่สูงไม่พ้นระดับหัว สำหรับช้างแอฟริกาขอบใบหู จะอยู่สูงกว่าระดับหัว

ตา

ช้างจะมีตาขนาดเล็ก มีขนตาค่อนข้างยาว แต่มีสายตาไม่ค่อยด ีระยะแค่ 15-20 เมตร ก็อาจมองไม่ค่อยเห็นศัตรู หรือสิ่งแปลกปลอมแล้ว อาศัยที่มีจมูกดี ใช้ในการดมกลิ่นแทน ตำแหน่งตา จะตั้งอยู่ในแนวขนานกับใบหู เลนซ์ตาของช้าง เป็นเลนซ์นูน ทำให้ช้าง มองเห็นสิ่งต่างๆ ค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นช้างจึงเห็นควาญ โตกว่าความเป็นจริง คนเราจึงสามารถ ควบคุมช้างได้ ม่านตาของช้างมีสีเขียว น้ำตาล จนถึงสีน้ำเงินม่วง (Evans et al., 1970.) มีผู้ศึกษาว่า ช้างเอเชียมองเห็น สีแดง เหลือง ขาว ได้ดีกว่า สีเขียว หรือสีน้ำเงิน

งวง

เป็นส่วน ที่เจริญมาจากจมูก และริมฝีปากบน ที่ปลายงวงของช้างเอเชีย มีจงอยเดียว ต่างจากช้างแอฟริกา ที่มี 2 จงอย และมีรูจมูก 2 รู งวงทำหน้าที่ เป็นทั้งจมูก และมือ ใช้หายใจ ดมกลิ่น ดูดน้ำ หยิบจับสิ่งของ งวงมีความยาวกว่าขาเล็กน้อย โคนงวงจะใหญ่แล้วค่อย ๆ เรียวเล็กลงมา งวงประกอบด้วย กล้ามเนื้อประมาณ 100,000 มัด สามารถงอ และบิด ได้ทุกทิศทาง เพราะไม่มีกระดูก จงอยทำหน้าที่แทนจมูก หยิบ หรือคีบของเล็ก ๆ ได้ ช้างใช้งวงดูดน้ำ พ่นน้ำเข้าปาก พ่นใส่ตัวเอง เพื่อระบายความร้อน ช้างสามารถดูด หรือพ่นน้ำได้ โดยไม่สำลัก เพราะมีระบบ ปิดเปิด ที่โคนงวง ที่มีประสิทธิภาพ งวงยังเป็นเรดา รับรู้กลิ่นได้ไกลถึง 50 เมตร ด้วยการส่ายงวง หาตำแหน่งที่มาของกลิ่น ประสาทสัมผัสของช้าง มีสัดส่วนระหว่าง กลิ่น : เสียง : ภาพ = 60 : 30 : 10 แสดงว่า การได้กลิ่น ดีกว่าการมองเห็น เมื่อยามมีภัยอันตราย ช้างจะใช้งวงเคาะพื้น เพื่อส่งสัญญาณ ระวังภัยแก่ลูกโขลง หรือบอกเจ้าของ ในการเดินทางค่ำคืน ว่าถึงจุดหมายปลายทางแล้ว งวงยังช่วยตรวจสอบพื้นที่ ๆ จะเหยียบ ว่าสามารถเหยียบได ้หรือไม่ เมื่อถูกแมลงรบกวน จะใช้งวงพ่นทรายไล่

งา

เป็นส่วนของฟันตัด ที่พัฒนาเจริญงอกยาว ออกมาจากขากรรไกรบน มี 2 กิ่ง อยู่ตรงมุมปาก 2 ข้าง
ช้างเอเชียมีเฉพาะในช้างเพศผู้ ช้างเพศผู้ ที่มีงาเรียก "ช้างพลาย"ช้างเพศผู้ที่ไม่มีงาเรียก "ช้างสีดอ" ช้างพัง หรือช้างเพศเมีย จะมีงาที่ไม่พัฒนา งอกออกมาพ้นริมฝีปาก หรือออกมาสั้น ประมาณ 10-15 เซนติเมตร เรียกว่า "ขนาย" ดังนั้นช้างสีดอ หรือช้างพัง จึงถือว่าไม่มีงา

งา มี 2 ชนิด คือ
1. งาปลี มีลำใหญ่วัดรอบประมาณ 15 นิ้ว แต่ยาวไม่มาก
2. งาหวาย หรืองาเครือ ขนาดวัดโดยรอบประมาณ 14 นิ้ว แต่ยาวรี


ช้างอายุ 2-5 ปี งาจะงอกเป็นตุ่มนิ่ม มีเลือดมาเลี้ยง คล้ายฟันน้ำนมเด็ก ต่อมามีฟอสฟอรัสมาเกาะ ทำให้แข็งแรงขึ้น งาช้างมีหลายชั้น สวมกันเป็นปลอก ติดแน่นแยกไม่ได้ ซึ่งชั้นในสุด เกิดทีหลังสุด งาส่วนที่โผล่ออกมา เป็น2/3 ของงาทั้งหมด อีก1/3 จะฝังอยู่ในกะโหลก (มีความยาวเท่ากับ ระยะวัด จากตาไปยังริมฝีปาก ตรงตำแหน่งที่งางอกออกมา) ส่วนนี้กลวง มีเส้นประสาท และเลือดมาเลี้ยง เส้นประสาทนี้ ไปสิ้นสุดที่ ปลายงา ๆ จึงมีความรู้สึก เหมือนกับฟันของคน งาช้างเอเชียหนักประมาณ 45-50 กิโลกรัม ยาวประมาณ 9 ฟุต ส่วนงาช้างแอฟริกา หนักประมาณ 100 กิโลกรัม ยาวประมาณ 10 ฟุต ถือกันว่า งาเปรียบเสมือนเครื่องประดับ ทำให้ช้างดูน่าเกรงขาม (ธีรภาพ, 2541) ช้างบางเชือก อาจมีงาข้างเดียว และถ้ามีข้างขวา ถือว่านำโชค ให้เจ้าของ งาจะเจริญในอัตรา17 เซนติเมตรต่อปี งามีคุณสมบัติแข็งแรงมาก ไม่ไหม้ไฟ ซึมน้ำเล็กน้อย และเปลี่ยนสีน้อย อีกอย่างสามารถใช้ ทดสอบอาหารที่มีพิษได้ โดยงาจะเปลี่ยนเป็นสีดำ ถ้าอาหารนั้นเป็นพิษ

ฟัน

ช้างมีฟันทั้งหมด 6 ชุด เป็นฟันน้ำนม 3 ชุด ฟันแท้ 3 ชุด ฟันน้ำนมชุดแรก จะติดมากับลูกตั้งแต่เกิด ฟันช้างประกอบด้วย ฟัน (งา) มี 1 คู่บน ฟันกรามล่างมี 6 ซี่ ฟันกรามบนมี 6 ซี่ เขี้ยวไม่มี ฟันมีลักษณะเป็นแผ่น หรือมีสันร่อง เป็นรูปวงรีซ้อนกัน ในช้างเอเชีย (ช้างแอฟริกา จะมีสันร่อง เป็นรูปสีเหลี่ยมขนมเปียกปูน) สันร่องนี้ สามารถบอก อายุของช้างได้ ฟันชุดใหม่จะงอกมาจากด้านใน แล้วดันชุดเก่า ออกไป ฟันชุดสุดท้าย หลุดหมดเมื่อใด ช้างจะกินอาหารไม่ได้ ร่างกายจะซูบผอม อ่อนแอ และตายในที่สุด ช้างเอเชีย และแอฟริกา มีสูตรฟันเหมือนกันคือ (0-1-3-3 กับ 0-0-3-3)

ต่อน้ำมัน

เรียกว่า Temparal gland อยู่ระหว่าตา กับรูหู ข้างละต่อม จะมีทั้งในช้างเพศผู้ และเพศเมีย ช่วงที่ช้าง กำลังจะเริ่มมีอาการตกมัน น้ำมันมีกลิ่นเหม็นแรงมาก ลักษณะคล้ายกับน้ำมันหมูข้น ๆ ควาญจะต้องนำช้าง แยกออกไปอยู่ไกล ๆ จากช้างตัวอื่น ๆ ให้ช้างอยู่ในที่เงียบสงบ และล่ามด้วย โซ่เส้นใหญ่ ควาญจะก่อกองไฟ เพื่อกลบกลิ่น ป้องกันช้างตัวอื่น เข้าไปทำร้าย ช้างที่ตกมัน หากน้ำมันไหลเข้าปากช้างที่กำลังตกมัน ช้างจะยิ่งแสดงอาการดุร้ายยิ่งขึ้น

รูปร่าง

ช้างเอเชียมีรูปร่างอ้วนป้อม หลังจะโค้ง เป็นรูปโดมตรงกลาง ช้างเอเชียเพศผู้ ที่โตเต็มที่จะมีความสูงเฉลี่ย 2.4-2.9 เมตร (สูงสุด 3.2 เมตร) มีน้ำหนักประมาณ 3,500-4,500 กิโลกรัม ช้างเพศเมีย ที่โตเต็มที่ มีความสูง ประมาณ 2.1-2.4 เมตร (สูงสุด 2.7 เมตร) มีน้ำหนักประมาณ 2,300 -3,700 กิโลกรัม ความยาว ของลำตัว วัดจากหัวจรดหาง ประมาณ 4 เมตร ในช้างป่า วัดความสูง โดยการวัด รอบรอยเท่าหน้า จากรอยเท้า บนพื้นดินแล้วคูณด้วย 2 จะได้เป็นความสูง ของช้างเชือกนั้น ในช้างเพศเมีย หรือช้างพังจะมีเต้านม 1 คู่อยู่ตรงบริเวณอก ระหว่างขาคู่หน้า ส่วนอวัยวะเพศเมีย จะอยู่ระหว่างขาคู่หลัง ซึ่งต่างจากสัตว์ชนิดอื่น ที่อยู่ใต้รูเปิดทวารหนัก เปิดใกล้โคนหาง อวัยวะเพศผู้ จะอยู่ค่อนมาทางหน้าท้อง

ผิวหนัง

ผิวหนังของช้างเอเชีย ปกติจะมีสีน้ำตาลเข้มถึงเทา ( Leakul dt al., 1977 b.) ความหนาของผิวหนัง ตามส่วนต่างๆ ไม่เท่าหัน มีความหนาประมาณ 0.5-1 นิ้ว ผิวหนังบริเวณศีรษะ และหลังบางส่วน หนาประมาณ 2 นิ้ว ลักษณะผิวหนัง มีรอยย่นคล้ายผิวน้อยหน่า และมีความไว ต่อการสัมผัสทุกจุด ต่อมเหงื่อตามผิวหนัง ขนาดเล็กมาก ซึ่งขับเหงื่อออกมาเพียงล็กน้อย จะพบเห็นชัดบริเวณโคนเล็บโดยสังเกต จากรอยเปียก ที่มีฝุ่นเกาะอยู่ ขนตามผิวหนัง จะพบได้น้อย แต่จะพบมากในลูกช้าง โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก ริมฝีปากล่างและบน รูหู บนหลัง และปลายหาง เมื่อช้างโตขึ้นขนจะค่อย ๆ หลุดร่วงไป ยังเหลือประปรายห่าง ๆ ขนมีลักษณะเส้นโต แข็ง ตั้งชันยากต่อการถอน ผิวหนังสามารถเคลื่อนไหวได้ โดยอาศัยกล้ามเนื้อพิเศษด้านล่างที่มีชื่อว่า Camosus

ขา

ช้างมีขาที่ใหญ่ ตรง คล้ายต้นเสา ขาหน้า จะรับน้ำหนักมาก เพราะมีส่วนหัวอยู่ ขาหน้าจะยาวกว่าขาหลัง เล็กน้อย ดังนั้น เวลายืนปกติ หน้าจะเชิด การย่างก้าวแต่ละครั้ง จะสม่ำเสมอ เท้าหลังจะก้าวเหยียบ ซ้ำรอยเท้าหน้าเสมอ เท้าหน้ายังทำหน้าที่ ตรวจสอบพื้นที่ ๆ จะเหยียบ ว่าจะมีอันตรายหรือไม่ ช้างที่แก่ ขาจะโก่ง หรือถ่างออก ฝ่าเท้าหน้ามีสัณฐานกลม ส่วนเท่าหลังจะรี ในช้างเอเชียเท้าหน้าแต่ละข้างมี 5 เล็บ เท้าหลังแต่ละข้างจะมี 4 เล็บ แต่บางตัวเท้าหลัง 5 เล็บ เรียกช้างที่มีเล็บเท้าครบ ข้างละ 5 เล็บนี้ว่า "ครอบกระจอก" ส่วนช้างแอฟริกา จะมีเล็บเท้าหน้า ข้างละ 4 เล็บ เท้าหลังข้างละ 3 เล็บ อุ้งเท้ามีหมอนรอง เหมือนซ่นรองเท้า ช้างจึงเดินเงียบ และสามารถเดิน บนถนนที่แข็งแรง หรือพื้นทราย หรือผิวถนน ขณะแดดร้อนได้

หาง

ช้างจะมีโคนหางใหญ่ มีกระดูกหางอยู่ภายใน ลูกช้างที่เกิดใหม่ จะมีหางยาวระพื้น เมื่อโตขึ้น หางจะอยู่ระดับข้อเท้าหลัง มีช้างบางราย ที่หางระดิน ซึ่งถือว่าเป็นลักษณะ ที่ไม่ดี แต่หางก็ต้องไม่สั้นเกินไป ปลายหางมีขนเป็นแผงตั้ง ไม่ขนานกับพื้นดิน ขนเหล่านี้ งอกออกเป็นพวงตรงปลาย ประมาณ 2-3 นิ้ว เส้นขนหางยาวประมาณ 7-8 นิ้ว ออกมาจากรูขนละ 2-3 เส้น

บันทึกประจำวัน

บันทึกประจำวันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2552
วันนี้ในเวลา8.30น - 10.30น นักเรียนชั้นม.2/3 ก็ไปประชุมที่ห้อสมุดเรื่องการไปทัศนศึกษาตกลงไปวันที่21ธันวาคมพ.ศ.2552และได้ดูมหัศจัรรย์สุวรรณภูมิตอนคนช้างสร้างสั้มพันธ์มิตรภาพตั้แต่เวล10.30-10.45น
กลุ่มผมก็เขียนตารางปฏิบัติงานเสร็จแล้วก็แต่งกลอนเกี่ยวกับลักษณะของช้างแต่ผมแต่งไม่ได้เพราะผมแต่งกลอนไม่เป็นจนถึงเวลา11.30นพวกผมก็ลงไปพักกลางวัน
พอถึงเวลา12.30นผมก็ขึ้นมาเตรียมการทำ script เกี่ยวกับลักษณของช้างและเตรียมนำเสนอในวันศุกร์ที่เป็นวัน show and shere กลุ่มของผมได้เป็นตัวแทนของชั้นม.2/3ในการนำเสนอแต่ก็ไม่ได้ทำเพราะกลุ่มหัสดีใช้คอมพิวเตอร์จนถึงเวลา14.30นก้ให้ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอคนที่ได้คะแนนมากที่สุดคือด.ญ.อรกัญญาอยู่กลุ่มวารีกุญชรเสร็จแล้วก็เขียนบันทึกประจำวัน

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

บันทึกประจำวัน

บันทึกประจำวันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๒
วันนี้ในเวลา8.30 น. พวกผมก็ขึ้ห้องผมก็เขียนตารางปฏิบัติงานเสร็จผมก็หาข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของ ช้างที่ดีก็มีข้อมูลดั้งนี้ ช้างที่มีลักษณะที่ดีจะต้องมีรูปร่าง ใหญ่โต แข็งแรง หัวโต แก้มเต็ม หน้าผากกว้าง ดวงตาแจ่มใส ขาแข็งแรง หลังช้างจะสูงตรงกลางเล็กน้อย และลาดลงอย่างสม่ำเสมอทั้งหน้าและหลัง โบราณเรียกลักษณะหลังอย่างนี้ว่า “แปก้านกล้วย” ซึ่งเป็นลักษณะของหลังช้างที่ดีที่สุด งาช้างจะต้องยื่นออกมากอย่างสม่ำเสมอไม่บิด และไม่ห่างกันมากนัก ชายของใบหูควรเรียบ ไม่ฉีกขาด ช้างปกติที่สุขภาพดีจะยืนแกว่งงวง และพับหูโบกหางไปมาอยู่เสมอ และจะเดินหาหญ้าหรืออาหาร อื่น ๆ กินอยู่ตลอดเวลา เล็บเท้ามีเหงื่อซึมออกจากโคนเล็บ ซึ่งจะสังเกตได้จากรอยเปียกของฝุ่นที่เกาะเท้าช้าง การตัดสินใจที่จะซื้อช้างหรือไม่ดูที่ การเคลื่อนไหวของลำตัว หาง หู งวง การยกขาถูกัน ผิวหนังนุ่ม สีของผิวออกดำหรือเกือบดำ ขนอ่อนนุ่ม ผนังบุเนื้อเยื่อของลิ้น ปาก ค่อนข้างออกสีชมพู ตาแจ่มใสและเป็นประกาย มีความชุ่มชื้นบริเวณรอบ ๆ เล็บ (สังเกตดูง่าย ๆ โดยการนำฝุ่นโรยลงไปรอบ ๆ มันจะเกาะติดกับความชื้นตรงเล็บนั้น) การกินอาหาร การนอน การเสาะหาอาหาร สูงปานกลาง ลำตัวใหญ่ ผิวหนังนุ่มและมีรอยย่น หัวเต็ม แก้มเต็ม หน้าผากกว้าง หูใหญ่ ไม่มีน้ำตา งวงยาว โคนงวงใหญ่ คอสั้นและหนา อกกว้าง หลังโค้ง สะโพกกว้าง พื้นเท้าแข็ง เล็บเรียบและเป็นเงา วิ่งเร็วและดูสง่า หางยาวพอควร มีขนแข็งและเป็นกระจุกหรือเป็นพวง เสร็จแล้วผมก็พิมพ์ลงในเวปบล๊อกจนถึงเวลา11.30น พวกผมก็ลงไปพักกลางวันที่โรงอาหาร
พอถึงเวลา12.30 พวกผมก็ขึ้นมาหาข้อมูลลักษณะของช้างต่อจากตอนเช้าแต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอแล้วพอถึงเวลา2.30 คุณครูศิวิไลซ์ก็ให้ตัวแทนของแต่ละกลุ่มของมานำเสนอและเขียนการประเมินการพูดของแต่ละคนวันนี้ ด.ญ.ธันยชนก ก็ได้คะแนนมากที่สุดคือ 32.3 แล้วคุณครูก็ให้เขียนบันทึกประจำวัน

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ลักษณะของช้างแอฟริกา

ลักษณะทั่วไป
เป็นสัตว์บกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีลักษณะคล้ายช้างเอเชียจะแตกต่างที่ใบหู ช้างแอฟริกาจะมีใบหูที่ใหญ่มากมีรูปร่างคล้ายพัดทำหน้าที่ช่วยโบกพัดเพื่อระบายความร้อน ผิวหนังมีลักษณะหยาบย่นเป็นรอยอย่างเห็นได้ชัดเจน สีผิวของมันจะไม่เป็นสีดำเหมือนช้างเอเชีย แต่มีสีน้ำตาล เนื่องจากว่าช้างแอฟริกาชอบนอนแช่ปลักโคลน เพราะฉะนั้น สีผิวของมันจึงเปลี่ยนเป็นสีเทา และที่แปลกกว่าช้างเอเชียคือ ทั้งตัวผู้และตัวเมียจะมีงาเหมือนกัน ส่วนช้างเอเชียจะมีงาเฉพาะตัวผู้เท่านั้น


ถิ่นอาศัย, อาหาร
พบในทวีปแอฟริกา
ช้างแอฟริกาจะออกหาอาหารทั้งกลางวันและกลางคืน จะใช้เวลาออกหาอาหารและแหล่งน้ำวันละประมาณ 18 - 20 ชั่วโมง อาหารที่ชอบจะเป็นพวกใบไม้สดหรือแห้ง เปลือกไม้ ผลไม้ โดยมีปริมาณในวันหนึ่ง ๆ ถึง 100 - 120 กิโลกรัม กินน้ำประมาณ 80 - 150 ลิตรต่อวัน ซึ่งเมื่อเทียบกับช้างเอเชียแล้ว ช้างแอฟริกาจะกินน้อยกว่า

พฤติกรรม, การสืบพันธุ์

ช้างแอฟริกาพร้อมที่จะผสมพันธุ์เมื่ออายุประมาณ 5-18 ปี ส่วนใหญ่จะผสมพันธุ์ในช่วงฤดูหนาว ระยะเวลาตั้งท้องนาน 22-24 เดือน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว ลูกที่เกิดใหม่ ๆ จะมีขนตามตัวยาวมาก แม่จะเลี้ยงลูกไปจนกว่าลูกอายุประมาณ 2-3 ปี ในช่วงนี้ ลูกจะกินนมแม่ไปเรื่อย ๆ พออายุประมาณ 2-3 ปี ลูกช้างจึงจะไปหากินตามลำพัง

ลักษณะช้างอเชีย

1. ถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ มีเฉพาะในทวีปเอเชียตอนใต้และหมู่เกาะที่อยู่ใกล้เคียง เช่น อินเดีย เนปาล ภูฐาน พม่า ไทย ลาว เขมร จีนตอนใต้
2. ภูมิอากาศที่ชอบ ปกติชอบอยู่อาศัยในป่าดงดิบ ทึบ มีอากาศร่มเย็น ไม่ชอบอากาศร้อนจัด
3. ลักษณะและขนาด ยาว โคนงวงใหญ่ ล่ำสันตลอดลำ ฝาปิดเปิดปลายงวงปิดได้สนิท งวงตอนโคนงาถ้าเป็นโหนกใหญ่และหนา แสดงว่าเป็นช้างที่แข็งแรง

3.1 ลักษณะรูปร่าง รูปร่างอ้วนป้อม

3.2 ขนาดความสูง


เพศผู้ เมื่อโตเต็มที่มีความสูงสุด 3.2 เมตร (เฉลี่ย 2.4-2.9 เมตร)


เพศเมีย เมื่อโตเต็มที่มีความสูงสุด 2.7 เมตร (เฉลี่ย 2.1 – 2.4 เมตร)

3.3 หลัง กว้าง โค้ง ลาดลงไปข้างหน้าและข้างหลัง แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท
4. เท้า

4.1 เล็บเท้าหน้า มีจำนวนข้างละ 5 เล็บ

4.2 เล็บเท้าหลัง มีจำนวนข้างละ 4 เล็บ (อาจมีบางตัวมี 5 เล็บ)
5. จะงอยปลายงวง ปลายงวงมีจะงอยเดียว
6. หลัง มีลักษณะโค้งงอเหมือนหลังกุ้ง
7. หัว หัวกว้างมี 2 ลอน
8. หู ใบหูมีขนาดเล็กกว่าช้างอาฟริกา และขอบบนใบหูอยู่ต่ำกว่าหัว
9. จุดสูงที่สุดของร่างกาย อยู่ที่บริเวณหลัง
10. งา

10.1 เพศที่มีงา มีงาเฉพาะตัวผู้ ตัวเมียไม่มีงาตัวผู้บางตัวมีขนาดงาเล็กๆ เรียกขนาย งาจะสั้นกว่าช้างแอฟริกา

10.2 ขนาดความยาวของงา เฉลี่ยความยาว 120-160 ซม.(1.20-1.60 ม.)
11. ฟันกราม

11.1 จำนวนสันร่อง สันร่อง(ridges) ของฟันกรามในช้างเอเชีย (แก่ อายุมาก) มีจำนวนมากที่สุดไม่เกิน 27 สันร่อง

11.2 ลักษณะรูปร่างลวดลายสันร่องฟันกราม สันร่องฟันกรามมีลักษณะรูปร่างลวดลายเป็นวงยาวรีเรียงกัน
12. กระดูกซี่โครง มีจำนวน 19 คู่
13. ข้อกระดูกหาง มีจำนวน 33 ข้อ

ลักษณะที่ดี

ช้าง ที่มีลักษณะที่ดีจะต้องมีรูปร่างใหญ่โต แข็งแรง หัวโต แก้มเต็ม หน้าผากกว้าง ดวงตาแจ่มใส ขาแข็งแรง หลังช้างจะสูงตรงกลางเล็กน้อย และลาดลงอย่างสม่ำเสมอทั้งหน้าและหลัง โบราณเรียกลักษณะหลังอย่างนี้ว่า “แปก้านกล้วย” ซึ่งเป็นลักษณะของหลังช้างที่ดีที่สุด งาช้างจะต้องยื่นออกมากอย่างสม่ำเสมอไม่บิด และไม่ห่างกันมากนัก ชายของใบหูควรเรียบ ไม่ฉีกขาด ช้างปกติที่สุขภาพดีจะยืนแกว่งงวง และพับหูโบกหางไปมาอยู่เสมอ และจะเดินหาหญ้าหรืออาหาร อื่น ๆ กินอยู่ตลอดเวลา เล็บเท้ามีเหงื่อซึมออกจากโคนเล็บ ซึ่งจะสังเกตได้จากรอยเปียกของฝุ่นที่เกาะเท้าช้าง การตัดสินใจที่จะซื้อช้างหรือไม่ดูที่ การเคลื่อนไหวของลำตัว หาง หู งวง การยกขาถูกัน ผิวหนังนุ่ม สีของผิวออกดำหรือเกือบดำ ขนอ่อนนุ่ม ผนังบุเนื้อเยื่อของลิ้น ปาก ค่อนข้างออกสีชมพู ตาแจ่มใสและเป็นประกาย มีความชุ่มชื้นบริเวณรอบ ๆ เล็บ (สังเกตดูง่าย ๆ โดยการนำฝุ่นโรยลงไปรอบ ๆ มันจะเกาะติดกับความชื้นตรงเล็บนั้น) การกินอาหาร การนอน การเสาะหาอาหาร สูงปานกลาง ลำตัวใหญ่ ผิวหนังนุ่มและมีรอยย่น หัวเต็ม แก้มเต็ม หน้าผากกว้าง หูใหญ่ ไม่มีน้ำตา งวงยาว โคนงวงใหญ่ คอสั้นและหนา อกกว้าง หลังโค้ง สะโพกกว้าง พื้นเท้าแข็ง เล็บเรียบและเป็นเงา วิ่งเร็วและดูสง่า หางยาวพอควร มีขนแข็งและเป็นกระจุกหรือเป็นพวง